วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประวัติ บารัก โอบามา (Barack Hussein Obama)


Barrack

Hussein

Obama






บารัก ฮุสเซน โอบามา ที่ 2 (Barack Hussein Obama II, เกิด 4 สิงหาคม ค.ศ. 1961) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 และคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ก่อนหน้านี้โอบามาเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐอิลลินอยส์ ใน ค.ศ. 2005 จนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 กระทั่งลาออกจากตำแหน่งหลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008
โอบามาเกิดในโฮโนลูลู รัฐฮาวาย สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ด ที่ซึ่งเขาได้เป็นประธานวารสาร Harvard Law Review เขาเคยเป็นผู้จัดการชุมชนในชิคาโกก่อนสำเร็จปริญญาด้านกฎหมาย เขาทำงานเป็นอัยการสิทธิมนุษยชนในชิคาโกและสอนกฎหมายรัฐธรรมนูญที่โรงเรียนกฎหมายของมหาวิทยาลัยชิคาโกตั้งแต่ ค.ศ. 1992 ถึง 2004 เป็นผู้แทนเขต 13 สามสมัยในรัฐสภาอิลลินอยส์ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2004
หลังไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาในนามของพรรคเดโมแครตใน ค.ศ. 2000 โอบามาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐใน ค.ศ. 2004 หลายเหตุการณ์ได้นำเขาไปสู่ความสนใจในระดับชาติระหว่างการรณรงค์หาเสียง รวมทั้งชัยชนะของเขาในการคัดเลือกผู้แทนพรรคเดโมแครตในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2004 และคำปราศรัยสำคัญระหว่างการประชุมตัวแทนพรรคเดโมแครตในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2004 เขาชนะการเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2004 การรณรงค์เลือกตั้งประธานาธิบดีของเขาเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 และหลังการรณรงค์ระยะสั้น ๆ ในการคัดเลือกผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐพรรคเดโมแครต ค.ศ. 2008 แข่งกับฮิลลารี คลินตัน เขาได้รับการเสนอชื่อจากพรรค ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 2008 เขาเอาชนะผู้สมัครจอห์น แมกเคน จากพรรครีพับลิกัน และเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำ ค.ศ. 2009
ในระหว่างการทำหน้าที่ในสภาคองเกรสที่ 109 นั้น โอบามาได้เรียกร้องให้มีการควบคุมการใช้อาวุธ และเรียกร้องให้มีการแถลงการณ์เรื่องการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลให้สาธารณชนได้ทราบด้วย นอกจากนั้นในช่วงนี้ เขายังเคยไปเยือนยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และแอฟริกาอย่างเป็นทางการด้วย ในสภาคองเกรสที่ 110 เขาก็ได้เรียกร้องให้มีการดูแลปัญหาอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงหรือภาวะโลกร้อน การก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และให้การดูแลทหารผ่านศึกสงครามอิรัก และสงครามอัฟกานิสถาน



โอบามา ประกาศหลังคว้าชัย นำอเมริกาสู่การเปลี่ยนแปลง
          นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ คนที่ 44 ขึ้นกล่าวปราศรัยขอบคุณกับผู้สนับสนุน วันนี้ (5 พฤศจิกายน) หรือเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่แกรนด์พาร์ค ชิคาโก หลังคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเล็กทรอรัลโหวต เกิน 270 เสียงขึ้นไป คว้าชัยชนะ
          นายโอบามา กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มาลงคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และไม่ได้แบ่งเป็นสีแดง หรือสีน้ำเงิน แต่เป็นสหรัฐอเมริกา โดยผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงมาถึงอเมริกาแล้ว และกล่าวอีกว่า เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา นายแมคเคนได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีแล้ว พร้อมกล่าวชมแมคเคนว่าชาวอเมริกาควรชื่นชมที่นายแมคเคนเสียสละช่วยสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งขอบคุณ นาย โจ ไบเดน ผู้ที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาในการหาเสียงเลือกตั้ง และ 16 ปีที่ผ่านมาเขาได้รับการสนับสนุน และความรักจากภรรยาของเขา มิทเชล โอบามา รวมทั้งลูกทั้ง 2 คน และว่า คุณยายของเขาแม้ไม่ได้มาร่วมยินดี แต่เชื่อว่าเธอจะเฝ้ามองจากที่ใดที่หนึ่ง 
Barack Obama
          นายโอบามา ยังกล่าวขอบคุณผู้จัดการรณรงค์หาเสียงของเขาด้วยที่ทำให้การเลือกตั้งสำเร็จ โดยเป็นผู้จัดการเลือกตั้งที่ดีที่สุดที่เคยมีมา พร้อมทั้งขอบคุณบุคคลที่สนับสนุนเขาทุกคน และนี่คือชัยชนะของทุกๆ คน
          เขายังกล่าวว่า จะต้องแก้ปัญหาสงคราม พลังงานทดแทน แม้ว่าการทำทุกอย่างจะยาก แต่มีความหวังว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ทั้งนี้ รัฐบาลคงไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่พร้อมจะรับฟังเสียงประชาชน
          นายโอบามา กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทุกคนต้องมีจิตวิญญาณในการแก้ปัญหา และไม่ใช่วอลสตรีทจะรุ่งเรืองอย่างเดียว แต่คนธรรมดาจะต้องดีด้วย
          เขายังกล่าวย้ำสิ่งที่อับราฮัม ลินคอน เคยพูดว่า ทุกคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่ศัตรูกัน เขาต้องการความช่วยเหลือของประชาชนทุกคน และจะเป็นประธานาธิบดีที่ดีของประชาชน และประชาชนที่อยู่ทั่วโลกจะได้เห็นอรุณรุ่งวันใหม่ของผู้นำสหรัฐอเมริกา ใครร้องหาสันติภาพจะสนับสนุน แต่ใครที่จะทำลายล้าง ก็จะทำลายล้างกลับ โดยสิ่งที่จะชนะคนที่คิดจะทำลายล้างสหรัฐฯ ได้ จะมาจากพื้นฐานประชาธิปไตย และความมีเสรีภาพ
          เขากล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สหรัฐฯ ก็ยังเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตย เราควรทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 

โอบามา คว้าชัยเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ของสหรัฐอเมริกา ด้วยคะแนน 333 เสียง ต่อ 155 เสียง  

         นายบารัค โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครต เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อนายจอห์น แมคเคน จากรีพับลิกัน ในการเลือกตั้งที่ มลรัฐยูทาห์ และ แคนซัส ใน มลรัฐยูทาห์แมคเคน เป็นฝ่ายชนะ โอบามา ไปแบบขาดลอย 61 ต่อ 37 % ขณะที่ใน แคนซัส แมคเคน ก็เป็นฝ่ายชนะไป อีก 55 ต่อ 43 % 

         ขณะเดียวกัน นายโอบามา สามารถคว้าชัยชนะได้ที่ มลรัฐไอโอวา ด้วยคะแนน ขาดลอย 72 ต่อ 27 %ทำให้ เขายังคงมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง นำ นายแมคเคน อยู่ที่ 207 - 129 คะแนน และ โอบามาต้องการอีกเพียง 63 คะแนนเท่านั้น ก็จะเป็น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ในทันที

          ทั้งนี้ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายบารัค โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้งแล้วเกือบ 220 คะแนน ทิ้งห่างนายจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ที่ได้เพียง 135 คะแนน  

          ด้านที่ปรึกษาระดับสูง ของนายจอห์น แมคเคน ออกมายอมรับว่า ทำใจแล้ว โอกาสที่จะชนะแทบไม่มี เพราะการสูญเสียฐานคะแนนเสียงในรัฐโอไฮโอ และรัฐเพนซิวาเนีย เป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า การจะถึงเส้นชัยได้คะแนน 270 คะแนนนั้นยากและเหนื่อย 

          ล่าสุด นายจอห์น แม็คเคน ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต่อนายบารัค โอบาม่า แล้ว ภายหลังนายโอบามา มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งเกินกว่า 270 เสียง ในช่วงเวลาเมื่อเร็วๆ นี้  

          อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอีกว่า นายบารัค โอบามา กำลังจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา
โดยล่าสุดได้คณะผู้เลือกตั้ง 333 เสียง ต่อ 155 เสียง สามารถคว้าชัยชนะได้ในรัฐชิคาโก อิลลินอยส์
          ทั้งนี้ นายโอบามา จะกลายเป็นประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกัน – อเมริกัน คนแรก พร้อมทั้งสามารถคว้าชัยได้ที่รัฐใหญ่อย่างรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งไม่เคยโหวตให้พรรคเดโมแครตนับตั้งแต่ปี 1964 (พ.ศ. 2507)
  





โอบามาเข้าเฝ้าฯในหลวง ศิริราช 19 Nov 2012



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น